โครงสร้าง PASSIVE VOICE เป็นอย่างไร มีเท่าไหร่
โครงสร้างก็คล้ายกับ
Active Voice (
Tense ทั้ง 12 ที่ได้เรียนไปแล้ว ) เพียงแค่มี
Verb to be มาคั่น และกริยาหลักคือ ช่อง 3 หมดเลย และมีอยู่ทั้งหมด 12 รูปแบบประโยคเช่นกัน
ถ้าจะพูดให้ฟังใหม่ก็คือว่า
Tenseย่อย มี 12 ตัว แต่ละตัวสามารถแบ่งออกเป็นสองชนิด
ดังนี้
Present Tense
o
Present simple
tense (Active voice )
o Present simple tense (Passive voice )
o
Presenst
continuous tense (Active voice)
o
Presenst
continuous tense (Passive voice)
o
Present perfect
tense (Active Voice)
o
Present perfect
tense (Passive Voice)
o
Present perfect
continuous tense (Active Voice)
o
Present perfect
continuous tense (Passive Voice)
ยกตัวอย่างแค่
Present Tense ให้ดูนะครับ นับดูแล้วได้ 8 เพราะมันมีโครงสร้างที่ต่างกัน
รวมกับ Past Tense อีก 8 และ Future
Tense อีก 8 รวมเป็น 24 โครงสร้าง
ดังนั้น ถ้ามีคนถามเกี่ยวกับเรื่อง Tense ให้อธิบายดังนี้
o
Tense ใหญ่ๆ มี 3 Tense คือ Present Tense / Past
Tense / Future Tense
o
แต่ละ
Tense แบ่งย่อยออกเป็น 4 Tense ย่อย คือ Simple /
Continuous / Perfect / Perfect Continuous
o
แต่ละ
Tense ย่อย แบ่งรูปแบบประโยคออกเป็น 2 ชนิด คือ Active
Voice / Passive Voice
o
ดังนั้น
ถ้าเราจะเรียนเรื่อง Tense เราต้องเรียนรู้โครงสร้างที่ต่างกัน 24 โครงสร้าง
o
แต่จริงๆแล้ว
ไม่ได้นำมาใช้ทั้งหมดหรอก เอามาใช้จริง ไม่ถึงครึ่งเลย คอนเฟิร์ม
แล้ว TENSE 12 ที่เรียนมาแล้วคืออะไร
Tense ทั้ง 12 ที่เรียนไปแล้วเป็นประโยค Active
Voice คือ ประธานเป็นคนกระทำทั้งหมด โดยไม่พูดถึง Passive
Voice เลย ทั้งนี้ก็เพื่อให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ โครงสร้าง Active
Voice เสียก่อน ถ้าเข้าใจดีแล้ว การเรียนรู้ Passive Voice ก็จะไม่ยากเท่าไหร่ เพราะต่างกันแค่นิดหน่อยเท่านั้นเอง
แต่ถ้าให้เรียนรู้ควบกับไปเลยทั้งหมด เดี๋ยวจะงงกันเสียเปล่าๆ
เหตุผลที่ให้เรียนโครงสร้าง
Active Voice ให้เข้าใจก่อนนั้นก็เพราะว่ามันเป็นหัวใจของภาษาอังกฤษนั้นเอง
ถ้าเข้าใจตรงนี้แล้ว ภาษาอังกฤษก็จะเป็นเรื่องง่ายๆทันที
เพราะผู้เรียนสามารถอ่านเนื้อหาต่างๆที่เป็นภาษาอังกฤษได้แล้ว
อาจติดขัดบ้างที่คำศัพท์ก็สามารถใช้ดิกชันนารีช่วยได้
ตัวอย่างประโยค
Present Tense
Thai
people grow rice in rainy season. คนไทยปลูกข้าวในฤดูฝน
(ใครปลูกข้าว ก็คนไทยไง)
Rice is grown in rainy season. ข้าวถูกปลูกในฤดูฝน (ใครปลูกไม่สน สนแต่ว่าปลูกเมื่อไหร่)
Rice is grown by Thai people. ข้าวถูกปลูกโดยคนไทย (ปลูกเมื่อไหร่ไม่สน สนแต่ว่าใครปลูก)
Rice is grown in rainy season. ข้าวถูกปลูกในฤดูฝน (ใครปลูกไม่สน สนแต่ว่าปลูกเมื่อไหร่)
Rice is grown by Thai people. ข้าวถูกปลูกโดยคนไทย (ปลูกเมื่อไหร่ไม่สน สนแต่ว่าใครปลูก)
That
woman is hitting a cat. หญิงคนนั้นกำลังตีแมว
(ใครตี ก็ผู้หญิงคนหนึ่งเป็นคนตี)
A cat is being hit. แมวตัวหนึ่งกำลังถูกตี (ไม่ต้องการรู้ว่าใครตี ต้องการรู้แค่ว่าแมวโดนตี)
A cat is being hit by that woman. แมวตัวหนึ่งกำลังถูกตีโดยผู้หญิงคนนั้น (ตัวนี้เป็นประโยคสมบูรณ์ แต่นิยมใช้ด้านบน)
A cat is being hit. แมวตัวหนึ่งกำลังถูกตี (ไม่ต้องการรู้ว่าใครตี ต้องการรู้แค่ว่าแมวโดนตี)
A cat is being hit by that woman. แมวตัวหนึ่งกำลังถูกตีโดยผู้หญิงคนนั้น (ตัวนี้เป็นประโยคสมบูรณ์ แต่นิยมใช้ด้านบน)
He has
built the house for two years. เขาได้สร้างบ้านมาแล้วเป็นเวลาสองปี
The house has been built for two years. บ้านได้ถูกสร้างมาแล้วเป็นเวลาสองปี
The house has been built for two years. บ้านได้ถูกสร้างมาแล้วเป็นเวลาสองปี
Past Tense
We grew rice
yesterday. พวกเราปลูกข้าวเมื่อวานนี้
Rice was grown yesterday. ข้าวถูกปลูกเมื่อวานนี้
Rice was grown yesterday. ข้าวถูกปลูกเมื่อวานนี้
Future Tense
We will
grow rice tomorrow. เราจะปลูกข้าวพรุ่งนี
Rice will be grown tomorrow. ข้าวจะถูกปลูกพรุ่งนี้
Rice will be grown tomorrow. ข้าวจะถูกปลูกพรุ่งนี้